โรคปริทันต์  เกี่ยวข้องกับการสะสมของคราบหินปูน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การรักษาจะต้องมีการขูดหินปูน และ เกลารากฟัน(root planing) ร่วมด้วย คำว่าเกลารากฟันนี้อาจจะเป็นศัพท์ใหม่ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยคุ้น แปลไทย เป็นไทยได้ว่า ทำผิวรากฟันให้เรียบ (เกลา = ทำให้เรียบ) คือการกำจัดคราบหินปูนและคราบเชื้อโรคที่เกาะ บนรากฟันให้หมด จนได้ผิวรากฟันที่เรียบแข็ง ช่วยให้เหงือกกลับมายึดได้ดีขึ้น

    สรุปขั้นตอนการรักษา

     1. การรักษาจะต้องมีการขูดหินปูน และเกลารากฟัน (root planing) ร่วมด้วย โดยจะขูดหินปูนทั้นบน ตัวฟันและส่วนที่อยู่บนผิวรากฟันภายในร่องปริทันต์ ส่วนการเกลารากฟันคือการทำให้ผิวรากฟัน เรียบเพื่อให้เนื้อเยื่อเหงือกสามารถกลับมายึดแน่นติดกับผิวฟันได้เหมือนเดิม ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้อง ทำซ้ำหลายๆครั้ง 

    2. หลังจากรักษาเสร็จแล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะเรียกกลับมาดูอาการอีกครั้งว่า หายดี หรือไม่ ถ้ายังมีร่องลึกปริทันต์เหลืออยู่หรือมีการละลายของกระดูกไปมาก อาจจำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัด เหงือก (ศัลย์ปริทันต์ : Periodontal Surgery) ร่วมด้วย

   3. ท่านจะต้องทำความสะอาดฟันและซอกฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอด้วยตนเอง อย่างน้อยจะต้องใช้ แปรงและไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อที่จะกำจัดคราบจุลินทรีย์ให้หมดทุกวัน

   4. ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจดูว่ามีคราบจุลินทรีย์และหินปูนหลงเหลือจากการทำความ สะอาดเองหรือไม่ เพื่อที่จะได้รับการรักษาในระยะแรก เนื่องจากคราบจุลินทรีย์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคปริทันต์ถ้าท่านสามารถกำจัดคราบ จุลินทรีย์ได้ โดยการทำความสะอาดฟันและเหงือกอย่างถูกต้อง ท่านก็จะสามารถป้องกัน โรคปริทันต์ได้ ก็จะขอแนะนำ

       ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันการเป็นโรคปริทันต์ ดังนี้

    1. ควรแปรงฟันและทำความสะอาดซอกฟันอย่างถูกต้อง เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ

    2. ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจว่ามีคราบจุลินทรีย์และหินปูนที่หลงเหลือ จากการทำความสะอาดเองหรือไม่ จะได้รับการรักษาได้ ในระยะเริ่มแรก

     หลังการเกลารากฟันอาจมีการปวดระบมสามารถอมย้ำเกลือเพื่อลดอาการหรือทานยาตามทพ.สั่ง

• แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง แปรงเบาๆ เนื่องจากอาจมีอาการปวดระบมอยู่   • ใช้แปรงที่มีขนแปรงนุ่ม ปลายมน

• แปรงฟันให้ถูกต้อง

• ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง

• ตรวจฟันทุก 6 เดือน